เจอดีจนได้!!! สะเดาะเคราะห์ ครั้งแรกกับการนอนโลง เลยเจอแบบจังๆ

ประสบการณ์ เจอดีจนได้!!! สะเดาะเคราะห์ ครั้งแรกกับการนอนโลง เลยเจอแบบจังๆ

เรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงโดยตรงสดๆร้อนๆเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา
          เราเป็นคนที่โตมากับความเชื่อในเรื่องลี้ลับ  เนื่องจากคุณตาเป็นตำรวจเก่าประจำชายแดนเขมร ทางภาคอิสาน ไปรบที่เขมรอยู่บ่อยครั้ง (ที่มีเรื่องกระทบกระทั่งเรื่องเขตแดน) มีสาวเขมรติดพันธ์อยู่ คนสองคนเหมือนกัน (อันนี้นอกเรื่อง)  จึงมีวิชาของขลังอยู่บ้าง หลายแขนง  (เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังทั้งที่เจอมากับตา ทั้งลุงป้าน้าอา คนในหมู่บ้านเล่าให้ฟัง) ก็เลยพอจะเชื่อว่ามีอยู่จริง เคารพศัทธาเรื่องการสักน้ำมัน แต่ไม่เคยงมงาย หรือเคร่งอะไรมาก (เราจบ ป. โท ด้านวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังเชื่อค่ะ)



            เมื่อปลายเดือนที่แล้วเรารู้สึกจิตตก รู้สึกไม่ดีมีลางสังหรณ์แปลกๆ  รู้สึกนึกถึงแต่พระ นึกถึงวัดเหมือนอะไรมาดลใจ  อยากไปนั่งสงบจิตใจในโบสถ์  ก็เลยชวนคุณแฟนไป  เราตกลงไปที่วัดแถวบางปู  นั่งสมาธิสักพักใหญ่ๆ ทำบุญแผ่เมตตา ก็รู้สึกดีขึ้น จึงพากันกลับคอนโด ตอนก่อนนอนก็สวดมนต์ยาว ทั้งพุทธคุณ  ทั้งพาหุง แผ่เมตตา ตอนนั้นก็ยังไม่มีอะไร วันต่อๆมาก็รู้สึกจิตตก ใจหายอีกแล้ว  เลยตัดสินใจหาดูในเน็ตเรื่องการสะเดาะเคราะห์  จึงมาจบที่การนอนโลง  ไม่รอช้าค่ะ  พรุ่งนี้วันอังคารเลยชวนคุณแฟนไปเลย   แฟนเห็นเราไม่สบายใจเขาก็พาไป  ว่าง่าย

            ตอนนั้นไปวัดแถวนนทบุรีค่ะ  พอไปถึงวัดก็จัดแจงไหว้พระ ทำบุญบริจาคโลงศพ  เพื่อรอเวลา พิธีนอนโลงตอนเที่ยงครึ่ง  พอใกล้เวลาก็จะทำบุญถวายสังฆทานกันก่อน จากนั้นก็เข้าไปทำพิธีข้างในศาลา  และนอนโลง   ตอนทำพิธีก็ไม่ได้กลัวอะไรค่ะ จิตใจรำรึกถึงแต่พระ  ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ และอุทิศส่วนกุศล  บอกคุณแฟนถ่ายรูปมาด้วยนะ นางก็ไม่ถ่ายค่ะนางกลัว  เสร็จพิธีก็กลับคอนโดเลย มาถึงก็อาบน้ำเลยค่ะ  แล้วเปิดประตูห้องระบายอากาศ สักพัก ชั้น 6 (เราอยู่ชั้น 7) มีเสียงเคาะประตูแรงมาก และเคาะโหดมาก ดังขึ้นมาถึงชั้นที่เราอยู่  เคาะอยู่เกือบครึ่ง ชม. จนคนอื่นๆในชั้นเราเปิดประตูออกมาดูหลายห้อง ห้องเราติดบันไดได้ยินชัดเจน จนแฟนเราออกมาดู และพูดว่าถ้าจะเคาะขนาดนี้พังประตูเข้าไปเหอะ  จะอะไรขนาดนั้น  (เราก็คิดว่าอาจเป็นผัวเมียทะเลาะกันก็ไม่ได้สงสัยอะไร )   ก็ปกติไม่มีอะไร จนแฟนกลับ  เราอยู่คนเดียว ก็เปิดทีวี เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ  สักเที่ยงคืนค่ะ  ปัญหาเกิด

            ระหว่างที่เรานอนดูสารคดี ในมือถือ (ไม่เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ) ก็ได้ยินเสียง ตึก ตึก เราก็มองไปที่ต้นเสียงค่ะ  ยังไม่ใส่ใจอะไรมาก  ก็เดาไปว่า เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้มันคงลั่น ไปเอง (มโนปลอบใจตัวเอง)  ก็ดูสารคดีต่อ สักพักเกิดเสียงขึ้นอีกค่ะ  ครื้นนนนนนนน ด้านบน  เราก็ตกใจนิดหน่อยมองขึ้นไป  ใจก็ยังคิดว่าชั้นข้างบนทำอะไรตกมั้ง (มโนเองอีก)  ดูสารคดีต่อ  ประมาณ10 นาที เอาอีก ครื้นนนนนนน
ครื้นๆๆๆ  เราเลยลุกจากที่นอนด้วยความหงุดหงิด ประมาณว่าเขาทำอะไรตก หรือลากอะไรตอนดึกหรือ  เปิดประตูระเบียงซึงเป็นประตูกระจก ชะโงกหน้าออกไปดูข้างบน  ปรากฏว่าห้องมืดค่ะ  ไฟปิดสนิท ไม่มีเสียงแอร์  เหมือนไม่มีใครอยู่ห้อง   เราก็เอิ่มมมมม  โอเคไม่มีใครอยู่  ตอนนั้นรู้สึกตะหงิดในใจละแต่ยังไม่กลัวค่ะ  เดินเข้าห้องปิดประตูระเบียงและล๊อค!

         ซึ่งปกติไม่เคยล๊อคประตูระเบียงเลย  เนื่องจากอยู่ชั้น 7 และระเบียงไม่ติดห้องใคร  มันไม่สามารถปีนหากันได้ ปิดผ้าม่านมิดชิด กลับมานั่งดูสารคดีต่อ  จนเกือบๆจะตี 1 ครึ่ง  ประตูระเบียงดังตึ้ง!  ตึ้ง!   คราวนี้เราสะดุ้งเลยค่ะ  เลยพูดกับตัวเองว่า ลมปะว๊า  จะพัดอะไรแรงขนาดนั้น  พูดดังกว่าที่ควรจะเป็น  ทั้งๆที่อยู่คนเดียว (เราจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าเราเปิดประตูหน้าห้อง และเปิดประตูระเบียง ลมมันจะผ่านเข้าห้องเย็นสบาย  นี่ประตูหน้าห้องก็ไม่เปิด  ลมมาจากไหน  ซึ่งก่อนหน้าที่ออกไปนอกระเบียงก็พอรู้ว่าวันนี้มันไม่มีลม อากาศนิ่งมากๆ)  นั่งมองไปที่ประตูระเบียงรู้สึกเหมือนผ้าม่านจะไหว  ซึ่งเราเปิดแอร์ พัดลมต่ำ และแอร์ไม่ตกโดนผ้าม่านแน่ๆ  เราเลยรีบมองไปทางทีวี แล้วพูดเสียงค่อนข้างดังอีกว่า  โอ๊ยหิว ไปหาไรกินดีกว่า  เลยหยิบเสื้อคลุม กระเป๋าตัง โทรศัพย์ กุญแจห้องออกมา กะว่าจะโทรหาเพื่อน หรือโทรหาแฟน หรือใครสักคน เปิดประตูห้องเดินมาที่ลิฟท์กดชั้น 1  พอประตูลิฟท์ปิดก็รู้สึกโล่งใจค่ะ ถอนหายใจยาวๆ แล้วมาหยุดที่ชั้น4 เราก็มองขึ้นป้ายชั้นด้านบน ประตูก็ไม่เปิด เราก็กดๆไปที่ชั้น 1 พอไฟปุ่มกดติดเลข 1 ไฟเลข4 ก็ติดอีกเหมือนมีคนกด  เราก็นิ่ง ถอยห่างออกจากที่กด  คราวนี้เหงื่อแตกละค่ะ  ขนลุกเลย  แล้วจึงพูดว่าอย่ามาเสียตอนนี้นะ หิวข้าววว  ก็กลั่นใจกดชั้นหนึ่งอีก ไฟที่ชั้น 1 ก็ติด  แล้วลิฟท์ก็ไม่ลง  เรานึกในใจ กุโดนละ ใช่เลย  ก็ได้ๆ  เลยบอกว่าไม่กินก็ได้วะเดี๋ยวอ้วน กดลิฟท์ขึ้นชั้น7   ปรากฏลิฟท์ขึ้นคร่าาาาาาา  ประตูเปิดที่ชั้น 7  เราออกจากลิฟท์  ยืนมองไฟที่ลิฟท์ ก็ยังเห็นมันเลื่อนลงที่ชั้น 1ปกติ  คิดในใจว่า แล้วเมื่อกี๊ไม่ให้กุไปล่าาาาาาา  เดินกลับห้องมาปิดประตู เปิดไฟทุกดวง เปิดทีวี  นอนไม่หลับเลย ประมาณตี2 กว่าๆ เกิดเสียงครื้นนนนนนนนบนเพดานอีก  โอ๊ยตายยยยจะประสาทเอา  สักพักประตูห้องเลยคร่าาาาาาาดังเหมือนมีคนเคาะ

พอได้ยินเสียงคนเคาะ  เราก็คิดว่าแฟนมาหรือเปล่า หรือลมพัดมาที่ประตู  เลยเดินไปดูที่ช่องตาแมว  ก็ไม่เห็นมีใคร  มองอยู่พักนึง  เลยตัดสินใจเปิดประตูดู สงสัยว่าจะเป็นลมหรือเปล่า  โดยยังคล้องโซ่ประตูไว้  เปิดอยู่พักนึงก็ไม่มีลมพัด เลยปลดโซ่ออก  ออกมายืนหน้าประตูมองซ้ายขวา ก็ไม่มีลมสักนิด  ก็คิดงงๆ หรือจะหูฝาด  เลยปิดประตู   ด้วยความที่คิดว่าอาจเป็นคุณแฟนเลยลืมความกลัวทั้งหมด  ปิดประตูล๊อคทุกอย่าง แล้วเสียงโทรศัพย์ดัง!  พ่อเจ้าประคุณเอ๊ยเกือบไม่ได้แก่ตาย อิเจ้าแฟนโทรเข้า (ยังกะหนังผีตุงแช่ ดีที่เสียงเพลงของคุณแฟนเราตั้งเสียงแตกต่าง) ถอนหายใจเหือกใหญ่  เดินมารับโทรศัพย์
เรา: อิห่าโทรมาทำไมเวลานี้ ตกใจหมด  ไมไม่หลับไม่นอน นี่แอบหนีเที่ยวอีกรึไงห๊ะ (แอบบหงุดหงิด ที่เขาทำให้ตกใจ)
แฟน: นู๋ล่ะทำไมยังไม่นอน นอนไม่หลับหรอ
เรา: ดูสารคดีอยู่เพลินๆน่ะ แล้วทำไมยังไม่หลับไม่นอน
แฟน: นู๋........
เรา:....
เริ่มใจไม่ดี.....เงียบพักนึง
แฟน: พี่คิดถึงเลยนอนไม่หลับ นู๋อาบน้ำยัง
เรา: คิดถึงตอนตี2เนี่ยนะ แปลกแฮะ  มีไรเปล่า มีไรกล่าวค่ะกล่าว
แฟน:.......(เงียบ) อาบน้ำแล้วสวดมนต์ก่อนนอนด้วยนะ จะได้นอนหลับสนิท พรุ่งนี้จะได้สดชื่น
เรา:........อย่ามาๆ  มีอะไรพูดตรงๆเลย  เจออะไรมาใช่ไหม
แฟน: ........เปล่าหรอกแค่คิดถึงเฉยๆ  นอนไม่หลับอ่ะ  หนูอยู่คนเดียวกลัวมั้ย  ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนปะ
เรา: ยังไม่ได้บอกว่ากลัวเลย  ต้องกลัวอะไรหรอ พี่มีอะไรบอกหนูมาเถอะ หนูไม่กลัว จะได้รู้อย่ามาอ้ำๆอึ้งๆ
แฟน:  ...ไม่มี  นอนได้ละ พรุ่งนี้พี่ไปหาแต่เช้านะ อยากไปตักบาตร  เราไม่ได้ตักบาตรด้วยกันนานละ ฝันดีนะคะ
เรา: เครๆ ได้ๆ  เดี๋ยวอาบน้ำรอ ฝันดีค่ะ

          เราก็วางโทรศัพย์ในใจก็พอจะคิดได้ว่าอิเจ้าแฟนคงเจออะไรมาแน่ๆ เลยวางโทรศัพย์ไว้ที่เตียง แล้วกำลังจะไปอาบน้ำ เดินไปที่ห้องน้ำกำลังจะเปิดประตู  เสียงก็มาอีก ตึงๆๆๆ ตึงๆๆ  เราเดินไปที่ประตูมองที่ตาแมว  (คราวนี้แน่ใจละค่ะ ว่าเสียงคนเคาะแน่ๆ) ก็ยังไม่เห็นมีใคร เลยบอกว่าจะเอาอะไรไม่เปิดให้ ไม่ให้เข้าไปเล่นที่อื่นเลยไป เลยเดินไปอาบน้ำ พออาบเสร็จออกมา คราวนี้เสียงมาอีก ตึงๆๆ ตึงๆๆ  เราเริ่มหงุดหงิดมากๆ อะไรวะเคาะอยู่นั่นกำลังจะจับลูกบิดประตู ยังเอื้อมไม่ถึงลูกบิดเลยค่ะ  ลูกบิดหมุน แก็กๆ  บอกตามตรงว่าช๊อกมากค่ะ เลยเอื้อมมือไปจับลูกบิด ให้นิ่งแล้วค่อยๆมองที่ตาแมว (ไม่ได้เปิดประตู) พอมองออกไปเท่านั้นแหละ นึกภาพตามนะคะ ภาพในตาแมวเราจะเห็นเป็นภาพโค้งๆนูนๆ   เราเห็นเงารูปร่างคนชัดเจนสีดำ นั่งกอดเข่าอยู่ที่กำแพงตรงข้ามประตูห้องเรา(จะว่าเป็นเงาก็ชัดมากๆแต่ไม่ถึงกับรูปร่างเป็นคนอย่างชัดเจน เราไม่รู้จะเรียกว่าอะไร)

          ความรู้สึกเราเหมือนวิญญาณจะออกจากร่างเลยค่ะ  น้ำตาไหลเลยกลัวมาก ขาขยับไม่ได้ อย่าพูดถึงบดสวด หรืออะไรเลย  นึกอะไรไม่ออก  หายใจไม่ได้ มันคือความรู้สึกตอนนั้นเลยค่ะ  แล้วสักพักเหมือนเขาจะเงยหน้าขึ้นมาหาเรา  เรานี้หลับตาเลยค่ะ ไม่กล้ามองแต่ขายังก้าวไม่ได้  สักพักเราเลยลองพยายามพูด  ซึ่งกว่าจะออกมาแต่ละคำยากเย็นมากว่า  โอเค จะเอาอะไร อยากได้บุญใช่ไหมก็ได้  งั้นที่ทำมาวันนี้เอาไปหมดเลย ยกให้  แต่อย่ามาให้เห็นอีก แบบนี้ไม่เอา พยายามสุดชีวิตก้าวขามาที่เตียงน้ำตานองหน้า ในใจนึกถึงแต่แม่ แม่ช่วยหนูด้วย ช่วยด้วยแม่ ช่วยที บทสวดนึกไม่ออกเลยค่ะบอกตามตรง

          ขอเล่าเรื่องคอนโด นิดนึง คือที่ชั้น 4 ของตึกเราเมื่อ 2 ปีที่แล้ว  มีคนฆ่ากันตายค่ะ  เหมือน ผช. เช่าห้องนั้นให้เมียน้อยอยู่  เมียหลวงจับได้ เลยตามมารอที่ห้อง พอเมียน้อยเลิกงานกลับมาเจอกันเข้า ก็ทะเลาะกันใหญ่โต สุดท้ายเมียหลวงแทงเมียน้อยไม่ยั้งสภาพศพดูไม่ได้ค่ะ  น่าสงสารมาก เป็นเมียน้อยไม่รู้ตัว  พอฆ่าเสร็จเมียหลวงยืนรอมอบตัวค่ะ  ตอนนี้ห้องนั้นก็มีผู้เช่ารายใหม่มาอยู่นะคะ แต่เราๆที่อยู่กันไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย เจ้าของคอนโดก็ปิดข่าว


เมื่อลากสังขารมาที่เตียงได้เรานอนห่มผ้าทั้งชุดคลุมอาบน้ำเลยอ่ะ กลัวมากแต่ก็หลับไปตอนไหนไม่รู้  พอเช้าประมาณตี5 ครึ่งเกือบๆ 6 โมง คุณแฟนโผล่มาเลย  อิบ้านั่นน้ำท่าไม่อาบ บอกอยากมาอาบที่นี่ (ที่บ้านเขาช่วงนั้นไม่มีคนอยู่ คุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญ ตจว กันหมด  กฐินมั้งนะถ้าจำไม่ผิด) รอนางวิ่งผ่านน้ำแปปนึงก็ไปทำบุญที่วัดชื่อดังสายปฏิบัติแถวลาดกระบัง ก็เอากับข้าว ดอกไม้ ข้าวของถวายภัตตาหารเช้าไป พอเสร็จแล้ว คุณแฟนก็ชวนอยู่ต่อที่วัดก่อน  บอกอากาศดียังไม่อยากไปไหน เราก็สงสัยละ ปกตินางไม่ใช่สายบุญ  คือชวนไปได้แต่นางจะทำแบบพอเสร็จๆไปคือเหมือนคนรีบอ่ะ ประมาณนั้น คือไม่พิถีพิถัน ไม่ค่อยใส่ใจหรือสนใจทำ กราบพระเสร็จหยอดตู้แล้วก็ชวนกลับประมาณนั้น แต่พอวันนี้ชวนอยู่เว้ยเห้ย ก็เลยถามไปตรงๆว่า พี่เล่ามาเหอะ  เมื่อคืนหนูก็เจอ
แฟน:  อ่าวจริงดิ! เจอตอนไหน ตอนพี่โทรหาหนูอ่ะ  พี่จะฉี่ราดอยู่ละ  ตอนแรกเหมือนจะหลับแต่สะดุ้งตื่นเหมือนโดนปลุก หมาในซอยก็เห่า  มันเห่านะไม่ได้หอน เลยลุกไปกินน้ำข้างล่าง เสร็จเลยเทใส่แก้วถือขึ้นข้างบนด้วย พอจะวางแก้วไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเท่านั้นแหละ เห็นคน 3-4 คน ยืนก้มหน้าอยู่หน้าบ้าน พี่ก็มองว่าใครวะมายืนๆกันอยู่  มองไปที่ประตูเพื่อความมั่นใจก็โอเคล๊อคแม่กุญแจแล้ว  ก็เลยแง้มผ้าม่านออกเพื่อจะมองดูชัดๆ คราวนี้ชัดเลย หนึ่งในคนที่ก้มหน้าอยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมามองตาสบตาเลยหนู  ยิ่งกว่าตอนพี่สบตาหนูอีก (ยังมีอารมณ์เสี่ยว)
เรา: ไมไม่บอกรักเขาไปล่ะ (หมั่นไส้)
แฟน :  จะบ้าหรอ  ถ้าเขามีหน้าครบพี่ก็อยากพิจารณานะ  แต่นี่หน้าส่วนล่างมันหายไปอ่ะ  หนูตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอ ตอนบวชยังไม่เจอเลย  ปิดม่านแทบไม่ทัน ถ้ามองนานกว่านั้นกลัวเขาจะเข้ามาหา  เลยหยิบโทรศัพย์โทรหาหนูแหละ  ไง๋ในหนังตอนผีจะออกมันจะหอนไม่ใช่หรอ นี่มันเห่ากระโชก  ก็นึกว่ามันเห่าคน ถ้าไม่คิดว่าคนอะไรจะมีหน้าแค่ครึ่งเดียว ถ้าเงยหน้าพร้อมกันหมดล่ะ  คงได้ไปอยู่กับพวกเขาแหละพี่ว่า คงไม่ได้มาทำบงทำบุญให้หรอก
เรา: แล้วทำไมไม่พูดตั้งแต่เมื่อคืน
แฟน:  พี่กลัวหนูกลัว  เห็นน้ำเสียงยังปกติอยู่เลยคิดว่าไม่น่าจะเจออะไร
เรา: แล้วพวกเขาอยู่นานไหม  พี่ทำไง
แฟน:  ก็พอวางโทรศัพย์จากหนู  พี่ก็พูดออกไปว่า  คือมาแบบนี้กลัว  แล้วถ้ากลัวคือไม่ให้นะครับบุญอ่ะ  ไม่พอแช่งด้วยนะครับ  ถ้าได้ยินแล้วก็ไปซะ จะทำบุญไปให้  ถ้ายังไม่ไปหรือมาให้เห็นอีกผมแช่งเสียหายนะครับบอกเลย
เรา:  แล้วเปิดม่านดูอีกไหม
แฟน:  หนู....ดูหนังเยอะไปป่าว  ชีวิตจริงใครมันจะไปเปิดหน้าต่างดูอีกรอบวะ ก็พูดทั้งๆที่นอนอยู่บนเตียงและหลับตานแน่นนั่นแหละ  ไม่หัวใจวายตรงนั่นนี่ก็บุญแค่ไหนแล้ว  แต่หมาในซอยก็เห่าน้อยลงและก็หยุดนะ  พี่กะหลับแปปนึง ก็ออกมาหาหนูอ่ะ

จากนั้นเราก็เลยเล่าเรื่องให้คุณแฟนฟัง
แฟน: เหยดดดดด เจอหนักกว่าพี่อีกว่ะ   นี่หนูตัวจริงปะเนี่ย (ทำมาจับๆดู) กลัวมั้ยคะ
เรา : ตอนนั้นก็กลัวแต่ตอนนี้ไม่อ่ะ ไปหาหลวงพ่อกันไหม
ก็ชวนไปนั่งคุยกับพระ พอเจอพระท่านก็ยิ้มให้เลยนะ แล้วบอกเรากับแฟนว่า ตกใจกลัวกันมาล่ะซิ
เราขนลุกเลยค่ะ หลวงพ่อก็พูดว่า  ไม่เป็นไรหรอกโยม เรากับเขาอยู่คนละภพ อยู่คนละที่  ก้าวล่วงกันมาไม่ได้  อิแฟนปากดี "ไม่มาบีบคอเหมือนในหนังใช่ไหมครับ"  หลวงพ่อก็ยิ้มแบบเมตตามากๆ "ทำไม่ได้หรอกโยม  ทำได้ก็แค่มาให้เห็น  จะสัมผัสเราได้อย่างไร เขาไม่มีกายหยาบแล้ว  เขาคงอยากให้ช่วย อยากได้บุญ  หรือแค่มาลา มาอโหสิก็ได้  เราก็ทำบุญแผ่เมตตาไปให้เขา เขาก็ไปแล้วโยม  วิญญาณพวกนี้เขายังมีห่วง ยังติดบ่วงในกรรม หลุดพ้นไปเขาก็ไปในภพใหม่  ผีทำอะไรเราไม่ได้  มีแต่คนนี่แหละที่ทำร้ายกัน ทำลายตัวเอง" แล้วหลวงพ่อก็พรมน้ำมนต์ให้  คุณแฟนยังเกรียนต่อ  " หลวงพ่อมีของดีให้บูชากันไว้ปะครับ พระสักองค์ก็ได้ครับ จะได้อุ่นใจ"  หลวงพ่อ "ไม่จำเป็นหรอกโยม โยมระลึกถึงองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึงพระธรรมคำสอน ระลึกถึงพระสงฆ์สาววกของท่าน นั่นก็ดียิ่งกว่าห้อยพระอีก  ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจโยม   ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ"  บอกตามตรงเราโคตรศัทธาเลย  กราบลาหลวงพ่อ และพากันกละบ  ในใจจึงคิดถึงพวกเขาแล้วบอกว่าเราจะไปปฏิบัติธรรม อุทิศส่วนกุศลให้นะ

หลังจากนั้น เราก็แยกย้ายไปทำงานตามปกติ  พอตอนเย็นกลับมาถึงคอนโด ก็เห็นรถอิคุณแฟนจอดอยู่  เราก็นึกแปลกใจว่ามาทำไม ไม่เห็นโทรบอกก่อน  พอเราเข้าไปในห้องก็เจอเขายืนมองดูระเบียง เราเลยทักว่า  จะเข้ามาไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลย  หิวไหมคะ กินไรกันดี   แฟนเราก็เงียบเราก็แปลกใจ เลยเดินเข้าไปกอดทางด้านหลัง  แล้วถามว่ามีอะไร บอกหนูได้นะ พี่รู้ใช่มั้ย  แฟนก็หันมาหาเรา  ตอนนั้นสีหน้าเค้ากังวลใจมากๆ เราก็เลยพูดติดตลกไป "มะ ..หนูพร้อมละ จัดมา เต็มๆ"พร้อมทำท่าทางจริงจัง (เรากับแฟนอยู่กันแบบกวน teen สุดๆ ไม่มีหรอกจะมุ้งมิ้ง) แฟนก็ขำหน่อยๆ ก็เลยเล่าให้ฟังว่า
แฟน :  วันนี้แม่โทรมาเล่าที่แกไปทำบุญให้ฟัง
เรา : เออเป็นไงบ้าง งานใหญ่ไหม
แฟน : อืมใหญ่นะเห็นว่า  ว่าแต่หนู ถ้าพี่เล่าอะไรไปอย่าโกรธนะ
เรา : แม่ดูดวงมาบอกเราไม่ใช่คู่กัน  หืมมมแบบนี้ต้องฉลอง ( เรายังกวนต่อ)
แฟน :.....
เรา : .....โอเค  สาระก็ได้ ว่ามา
แฟน :..... พี่เคยทำ ผญ ท้อง สมัยเรียนมหาลัย
เรา : ......  อึ้งมากๆ
แฟน:  ตอนนั้นยังเด็ก ไม่มีความคิด กลัวอะไรหลายๆอย่าง  ไหนจะเรียน ไหนจะพ่อแม่เรา พ่อแม่ ผญ  ไหนจะคิดว่าจะเลี้ยงยังไง  ผญ ก็เอาแต่ร้องไห้  แล้วเขาก็บอกว่า อยากเอาออก พี่ก็ถามเขาว่าแน่ใจแล้วหรอ  จะเอาออกยังไง  ผญ ก็บอกว่าเคยได้ยินเพื่อนพูดถึงยากินยาเหน็บ  พี่ยอมรับนะว่าพอได้ยินตอนนั้นรู้สึกโล่งใจเหมือนกันที่ปัญหาจบ  เลยบอก ผญ ว่า  ถ้าตัดสินใจดีแล้วก็ได้แล้วแต่เธอ   หลังจากนั้น ผญ ก็มาหาทุกวัน มาทุกวันก็ร้องไห้ พักหลังๆพี่ก็เริ่มหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ร้องไห้เรียกร้องไห้พี่สนใจ ให้เอาใจ โดยอ้างเรื่องที่เขาท้อง ที่เขาต้องเอาออก จนเขาได้ยามา ก็มาใช้ตอนอยู่ที่ห้องพี่ก็ไม่รู้ว่าเขาใช้ยังไงหรอกนะ  แต่หลังจากใช้ยานั่น วันรุ่งขึ้นเขาก็มีเลือดออกเหมือนประจำเดือน พี่ก็ถามว่าออกเยอะไหม เขาก็บอกว่าไม่  แล้วเขาก็บอกจะกลับบ้าน เราก็ไม่ได้เจอกันอีก
เรา : ........
แฟน: แม่โทรมาเมื่อตอนกลางวัน  บอกว่าพระท่านทักว่า พี่กำลังมีเจ้ากรรมนายเวรที่เคยทำกรรมหนักร่วมกันตาม  มาพร้อมกับพวกสัมพเวสี  เขาก็คงอยากจะอโหสิกรรมแล้วมั้ง เลยมาขอบุญเป็นครั้งสุดท้าย  แต่การที่จะให้บุญได้ถูกต้อง ต้องนึกให้ได้ว่าเป็นใคร  ต้องรีบก่อนจะเป็นผีร้าย  หรือก่อนที่ดวงแฟนจะตก  พี่ก็คิดอยู่นานแหละว่าใคร  จู่ๆก็นึกขึ้นได้ เลยไล่หาดู facebook ไปเจอเพื่อนของ ผญ คนนั้น พี่เลยทัก อยากได้เบอร์ติดต่อ  เพื่อน ผญ บอกกับพี่ว่า ผญ คนนั้นตายไปหลายปีแล้ว นี่ไม่รู้เลยหรอ  พี่เลยคิดว่าคงเป็นเขาอ่ะ

เราได้ยินที่แฟนพูดก็ตกใจนะ  คือเขาดูเป็น ผช แมนสุภาพบุรุษมาก ทำไมถึงเคยทำแบบนั้น   เราไม่พูดอะไรกันเลย  ก็ทำอาหารเย็นกินกัน  นั่งดูทีวี เราก็เล่นเน็ตไปเรื่อย ดึกๆห้องข้างบนเสียงดังอีก ครืนนนนนนน   ครืนนนนนน เหมือนคนลากของหนักๆ หรือลากเก้าอี้  เรากับแฟนก็มองหน้ากันแบบรู้เลย
เรา :  ไปดูที่ระเบียงหน่อยดิ ว่าห้องข้างบนมีคนอยู่ปะ
แฟน : ไง๋เป็นพี่อ่าาาาา (ทำหน้าอ้อนวอน)
เรา : หรือต้องเป็นหนูหรอ (ทำหน้าจริงจัง)
แฟน : มันก็จริง (ทำหน้าเศร้า) ก็ต้องเป็นพี่ซินะ
แล้วแฟนก็เดินออกไปดู....ปรากฏว่าไฟไม่เปิด แอร์ไม่เปิดเหมือนเดิม
แฟน: ไม่มีคนอยู่มั้ง ไฟปิดหมด   ไปบ้านพี่ไหมคะ
เรา:  โอ๊ย.... พี่คิดว่าถ้าใช่จริงๆเค้าจะตามไม่ถูกหรอพี่  อยู่ไหนก็เจอถ้าจะเจอ
เราตัดสินใจ เอาธูป 5 ดอก จุดให้เราและแฟนคนละชุด  ไหว้บูชาครู (คาถามีทั่วไป ในเน็ตก็มีนะคะ เป็นคาถาเดียวกันกับที่เราจำมา ช่วยได้เยอะค่ะ) แล้วปักที่นอกระเบียงตรงกระถางต้นไม้  อธิฐานให้ครูบาอาจารย์ปกปักรักษา อย่าให้อะไรมาทำร้าย  ถามว่ายังมีกวนต่อไหม  ยังมีค่ะ  แต่มั่นใจว่าเขาจะไม่เข้าห้องเรา มั่นใจว่าเข้ามาไม่ได้
นี่ขนาดแฟนห้อยหลวงพอเกษมนะ  นางยังกลัว
สักพักก็ ทีวีปิดเองค่ะ เป็นทีวีซัมซุง ซึ่งถ้าคนมีจะเข้าใจว่าเวลาปิดจากรีโมทมันจะมีเสียง ทั้งๆที่รีโมทอยู่ตรงโต๊ะกลาง  แฟนเราเหงื่อแตกเลย ทั้งๆที่เปิดแอร์( เราก็เข้าใจว่าเค้ากลัว คือซ่าแต่กับคน)
แล้วได้ยินเสียงหวีด เหมือนลมพัดผ่านช่องแคบค่ะ  หวี๊ดดดดดดดด  หวี๊ดดดดดดดด แฟนเราก้มลงมองตรงข้างล่างประตูเหมือนมีเงาคนยืน  หันมากระซิบบอกเรา  เราเลยตัดสินใจดูที่ตาแมวก็ไม่เห็นมีใคร แฟนเราเลยเร่งเสียงทีวีดังขึ้น สักพักประตูสั่นเลยค่ะ เหมือนมีคนมาดึงๆ เขย่าประตู  แฟนเราดึงเราออกมาให้ห่างประตู  เขาหยิบโทรศัพย์มาโทร  จะโทรหาใครก็ขึ้นเครือข่ายไม่ว่างตลอด โทรศัพย์เราก็เป็น  แล้วเสียงหวีดก็ดังขึ้น  ประตูเขย่าแรงขึ้น ตรงโซ่นี่สั่นกริ๊กๆเลย เราเหมือนหมาจนตรอกอ่ะ คือแบบเอาวะ คือจะดูให้รู้ไปเลย ตายเป็นตาย สะบัดแขนออกจากแฟนเดินไปดูที่ตาแมว
ชัด!
เห็นประมาณ 3-4 คนยืนก้มหน้าหน้าประตูห้องค่ะ  ประตูยังเขย่าแรงขึ้น  ระหว่างนั้นค่ะ มีคนที่ตึกเดียวกันเดินผ่านหน้าห้อง  คือพี่เขาเดินผ่านไปเลยอ่ะ  เหมือนไม่มีคนยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่ได้ยินเสียงเขย่าประตู  เราตาค้างตัวแข็งเลย  คือแบบเจ้ากรรมนายเวรนี่  ของใครของมันจริงๆ พี่เขาไม่รู้เรื่องเลย   แล้วแฟนเราก็ดึงเราออกมาจากประตู   แฟนมองหน้าเราก็คงเข้าใจได้ว่าเจอแน่ เจอแน่ๆ
แฟน : หนูไปจากที่นี่กันไหม
เรา : จะเปิดประตูไปยังไง  ข้างหน้าเพียบเลยพี่
แฟน : คนเดียวกุก็แย่แล้ว นี่เมิงมีพวกอีกหรอวะ
เราคิดไม่ออกเลยว่าจะทำไง  ได้แต่ยืนอยู่ตรงกลางห้อง  แล้วทีวีก็เปิด ปิด เปิด ปิด แฟนเราดึงปลั๊กไฟออกเลย  (แต่ไฟไม่ดับเหมือนในหนังนะ) แล้วเสียงโทรศัพย์เราดัง เรากับแฟนสะดุ้งเลยค่ะ  เป็นแม่เราค่ะ  แม่เราโทรมากลางดึกของวันนั้นเลย  
เรา : แม่.....ช่วยด้วยแม่ ช่วยด้วย  ผีหลอกแม่
แม่ : ใจเย็นแม่รู้แล้ว มีคนมาบอก (ซึ่งตอนนั้นไม่คิดหรอกค่ะว่าใครบอกแม่ ในใจคิดแค่ ขอความช่วยเหลือ)
เรา : แม่ ทำไงดีแม่  ไม่ไปซะที  มีเพียบเลยหน้าห้อง เขย่าประตูอยู่
แม่ : เก็บเข็มเชี่ยนหมากตาไว้มั้ย  ยังอยู่ไหม ( เคยเห็นกันไหมคะ เป็นเข็มเหมือนเข็มก้นทองใหญ่กว่าเข็มเย็บผ้า คุณตาแกเคยเอาเข้าไปเคี้ยวกับหมากพลูที่แกเคี้ยว แล้วแจกลูกหลาน แม่เราเอาไปทำเป็นตะกรุด ให้เรากับพี่ชายได้คนละอัน)
เรา : อยู่แม่ เอามาทำไง
แม่ : เอามาห้อยที่ประตู
เรากับแฟนไปรื้อชั้นบนวางของบนเตียงเลยค่ะ ของเวลาจะหามักจะเจอยาก  สุดท้ายก็เจอ แฟนเราเลยเอาไปคล้องที่ลูกบิดประตู
แม่ : นึกถึงปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์  คุณพระคุณเจ้า ที่เคารพนับถือ
ประตูหยุดสั่น  จากนั้นเราเลยไปดูที่ตาแมว
แม่จ้าววววว ยังเหลือ1 ตน  เงาเดิมเลย อยู่ติดกำแพงฝั่งตรงข้ามคราวนี้เขายืนค่ะ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองเรา  เราหลับตาปี๋ บอกแม่ผ่านโทรศัพย์ว่า ยังเหลืออีก 1 ยังไม่ไป
แม่ : ไม่ต้องเปิดประตูนะ  เพราะถ้าเปิดนั่นคืออนุญาตให้เขาเข้า คราวนี้จะแก้ลำบาก ไหนคุยกับ aa(แฟนเรา) หน่อย
เราก็ยื่นโทรศัพย์ให้แฟนเรา  ก็ได้ยินแต่แฟนเราพูดว่า  ครับ  ครับ  ได้ครับ ครับแม่ ครับ ผมทราบครับ  แล้วก็วางไป 
ใหม่กว่า เก่ากว่า

ฟอร์มรายชื่อติดต่อ